ประวัติความเป็นมารถ Lamborghini ลัมโบร์กินี

ประวัติความเป็นมารถ Lamborghini ลัมโบร์กินี


ก่อตั้งลัมโบกินี่โบกินี่ก่อตั้งโดยนาย Photo ลัมโบกินี่ชายชาวอิตาลีเขาเป็นคนที่ชื่นชอบเครื่องยนต์กลไกมาตั้งแต่เด็กจนโตขึ้นเขาก็เรียนวิศวกรรมศาสตร์สาขาอุตสาหกรรมจักรกลและเมื่อเรียนจบก็เริ่มทำงานในอู่ซ่อมเครื่องยนต์ซึ่งหลังจากนั้นไม่นานก็เกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ทำให้นายไพโรจน์ลัมโบกินี่ต้องไปรับใช้ชาติจากนั้นเมื่อสงครามสิ้นสุดลงในปี 1945 เขายังต้องทำงานซ่อมแซมเครื่องยนต์และลดอาการต่างๆให้กับฝ่ายสัมพันธมิตรต่อไปจากนั้นเมื่อทุกอย่างเข้าที่เข้าทางในปี 1946 เขาก็ได้กลับบ้านแล้วหันมาทำอาชีพซ่อมรถแทรกเตอร์โดยใช้อะไรจากด้วยยาและอุปกรณ์ทางการทหารซึ่งงานนี้ก็ดำเนินไปได้ด้วยดีจนทำให้เขาได้ก่อตั้งบริษัทผลิตรถแทรกเตอร์ขึ้นมาแล้วมันก็เป็นสิ่งที่ประสบความสำเร็จอย่างมาอันดับที่ 9 จุดเริ่มต้นของรถสปอร์ตในส่วนของรถสปอร์ตนั้นเริ่มจากการที่ Photo ลัมโบกินี่เลยไปซื้อ Ferrari 250 gto มาใช้ซึ่งมันก็มีปัญหาในการใช้งานเยอะมากต้องมีการซ่อมแซมอยู่หลายต่อหลายครั้งจนทำให้เขาทนไม่เดินทางไปหา enzo Ferrari เพื่อบอกเล่าถึงกับปัญหาที่เกิดขึ้นแต่ทว่าใน enzo Ferrari ในเวลานั้นกลับตอบมาว่านายเป็นแค่พวกบ้านนอกที่ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับรถสปอร์ตเลยแล้วมันก็นำไปสู่การถกเถียงกันใหญ่โตสร้างความเจ็บช้ำน้ำใจให้แก่คนโสดลัมโบกินี่มันอยากมาจากนั้นเขาจึงได้ทำการแก้เผ็ด enzo Ferrari คือการสร้างรถสปอร์ตของตัวเองขึ้นมาแล้วมันก็กลาย เขาในปี 1962 เขาได้รวบรวมคนเก่งเข้ามาทำงานในบริษัทมากมายมีการซื้อที่ดินเพื่อสร้างโรงงานใหม่สำหรับการนี้โดยเฉพาะโดยมันอยู่ห่างจากโรงงานของ Ferrari เพียง 15 กิโลเมตรเท่านั้นจากนั้นในปี 1963 ก็ได้รถต้นแบบอย่างระบบที่ 350 ทีวีออกมาจากนั้นจึงได้พัฒนาเป็นลัมโบกินี่ 350 GT ที่ได้มีการเปิดตัวสู่ตลาดอย่างเป็นทางการในปี 1964 แต่นอกจากนี้การสร้างรถเฉพาะที่ยอดเยี่ยมอย่างเดียวนั้นคงไม่เพียงพอ Potato

ลัมโบกินี่นั้นไปเอาบทเรียนที่ได้มาจาก enzo Ferrari มาเติมเต็มซึ่งนั่นคือการใช้ใจฟังปัญหาของลูกค้าอย่างจริงจังบริษัทของเขายินดีให้คำปรึกษาและให้ความช่วยเหลือลูกค้าอย่างเต็มที่ซึ่งเสียงจากลูกค้านี้ก็กลายเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญในการพัฒนาสินค้าและการบริการให้ดีมากกว่าเดิมยิ่งๆขึ้นไปอันดับที่ 8 ลัมโบกินี่กับวัวกระทิงเวลาพูดถึงระบบที่นี่นอกจากดีไซน์ของตัวรถอันโดดเด่นแล้วหลายคนก็น่าจะได้เก่งโลโก้วัวกระทิงซึ่งที่มาของการใช้โลโก้วัวกระทิงนี้เกิดจากการที่นายพลเกิดในราศีพฤษภและตัวเขาก็ชื่นชอบกีฬาสู้วัวกระทิงเป็นอย่างมากอีกทั้งนั้นยังเป็นสัตว์ที่ทรงพลังเช่นเดียวกับรถที่เขาสร้างแรงจูงใจทำให้เขาว่าผัวก็ทิ้งมาใช้เป็นโลโก้แต่เท่านั้นยังไม่พอยังมีการตั้งชื่อรถในโมเดลต่างๆตามสิ่งที่เกี่ยวข้องกับการต่อสู้วัวกระทิงในสเปนไม่ว่าจะเป็นชื่อของวัวกระทิงสายพันธุ์หรือแม้แต่ชื่อเมืองที่ใช้ในการแข่งขันกีฬาหนีอันดับที่ 7 การเปลี่ยนมือเหมือนกับหลายๆบริษัทเส้นทางของลัมโบกินี่นั้นไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบพวกเขาต้องเผชิญกับความยากลำบากมากมายจนทำให้เกิดการเปลี่ยนมืออยู่หลายครั้งเริ่มจากการที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจโลกและวิกฤตการณ์น้ำมันโลกในปี 1973 จึงทำให้สภาพการเงินของบริษัทย่ำแย่และเสียหายอย่างต่อเนื่องจนแทบจะพังพินาศจนกระทั่งในปี 1987 บริษัทไคเซอร์เข้ามาช่วยชีวิตลัมโบกินี่เอาไว้ในการเข้าซื้อกิจการของบริษัทไปจากนั้นลัมโบกินี่ก็อยู่ใต้ถุนของใครเซ่อนานถึง 7 ปีก่อนที่จะมีการขาย Lamborghini ให้กับกลุ่มนักลงทุนชาวมาเลเซียจนกระทั่งในปีนี้กลุ่มนักลงทุนชาวมาเลเซียชื่อว่านี้บ่ได้ขายกิจการของ Lamborghini ให้กับ Volkswagen Group

โดยพวกเขาเป็นเจ้าของลัมโบกินี่ผ่านทางออกที่เป็นบริษัทในเครือและยังคงเป็นเจ้าของลัมโบกินี่มาจนถึงปัจจุบันอันดับที่ 6 เยี่ยมชมลัมโบกินี่มือถือเป็นหนึ่งในความฝันของแฟนตัวยงกับทัวร์เข้าเยี่ยมชมโรงงานและพิพิธภัณฑ์ของลัมโบกินี่ที่อยู่ในประเทศอิตาลีซึ่งคุณจะได้ซึมซับเรื่องราวความเป็นมาของรถแต่ละรุ่นคุณจะได้เห็นว่าจักรยานแห่งลัมโบกินี่นั้นเป็นอย่างไรและในส่วนของการโทรโรงงานผลิตนั้นผมจะได้ชมขั้นตอนการผลิตที่ทันสมัยกรณีและสวยงามตามสไตล์ของลัมโบกินี่ถึงทุกวันนี้ก็มีคุณเลือกหลาย Option ไม่ว่าจะเป็นการเข้าชมทั้งสองส่วนโดยการเข้าชมแค่อย่างใดอย่างหนึ่งและยังสามารถเลือกได้ว่าจะเข้าชมแบบมีใครคอยให้ข้อมูลหรือไม่ซึ่งในส่วนของราคานั้นก็แตกต่างกันออกไปมีตั้งแต่ 45 Euro ไปถึง 75 ยูโรแต่ถ้าใครมีโอกาสได้ไปเที่ยวอิตาลีสามารถเข้าไปดูรายละเอียดได้ที่เว็บไซต์ของพวกเขาเลยอันดับที่ 5 ลัมโบกินี่ Motorsport โดยทั่วไปนั้นบริษัทผู้ผลิตยานยนต์ยี่ห้อต่างๆต่างก็พากันชิงดีชิงเด่นในการแข่งขัน Motorsport เพราะมันเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงสมรรถของรถที่พวกเขาสร้างได้เป็นอย่างดีซึ่งในส่วนของลัมโบกินี่นั้นแม้ในปัจจุบันเราจะเห็นพวกเขาลงแข่งในสนามแล้วแต่คุณทราบไหมว่าลัมโบกินี่ในยุคแรกๆนั้นแกไม่มีการลงแข่งในสนามต่างๆเลยเราควรจะส่งลำโพงที่นี่ไม่เห็นด้วยกับการแข่งขันแบบนี้เป็นอย่างมากซึ่งเขาคิดว่ามันเป็นสิ่งที่เสียเวลาแต่สิ้นเปลืองทรัพยากรของบริษัทไปโดยใช่เหตุอันดับซีลัมโบกินี่ของพระสันตะปาปาในปี 2017 ได้มีการทำน้ำมนต์ปีนี้ธุรการแบบพิเศษขึ้นมากทมไปกับสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสโดยเฉพาะจากนั้นในเดือนพฤษภาคมปี 2018 ก็ได้มีการนำรถคันนี้ออกประมูลเพื่อนำรายได้มอบให้กับองค์กรการกุศลต่างๆและมันก็ถูกประมูลไปในราคา 8 แสนหกหมื่น 1575 เหรียญสหรัฐหรือประมาณ 26 ล้านบาทและในเวลาต่อมารถคันนี้ก็ถูกนำไปใช้เป็นรางวัลซึ่งเป็นช่องทางสำหรับการบริจาคเงินเพื่อการกุศลที่สามารถบริจาคได้ตั้งแต่ 11 ถึง 5000 เหรียญสหรัฐโดยที่ผู้บริจาคที่มีสิทธิ์ลุ้นรับรางวัลต่างๆตามเงื่อนไขของแต่ละ campaign และนี่คือโฉมหน้าของผู้โชคดีจากสาธารณรัฐเช็กที่ได้รับและโบกินี่ธุรการพระสันตะปาปาไปอันดับที่ 3 ยังไม่พร้อมแต่ขอโชว์อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วได้ข้อที่ 9 ว่าอย่างงี้นี่ 350 ทีวีหนังสือรถต้นแบบคันแรกสุดของรถสปอร์ตแลมโบกินี่โดยที่ในปี 1963 นั้นได้มีการนำรถต้นแบบตัวนี้ไปแสดงในงานโตเกียวมอเตอร์โชว์ซึ่งในเวลานั้นมันยังไม่เสร็จสมบูรณ์สักเท่าไหร่ยังมีอีกหลายจุดที่ต้องปรับปรุงแก้ไขอย่างเช่นพวงมาลัยก็อยู่ติดกับที่นั่งมากเกินไประบบไอเสียก็ยังไม่เสร็จดีและที่สำคัญตัวโชว์คันนี้ยังไม่มีการติดตั้งเครื่องยนต์ซึ่งในตอนนั้นพวกเขาเอาก้อนอิฐใส่ลงไปแทนได้ด้วยความไม่พร้อมนี้ทำให้หลายคนมองว่าเป็นอะไรที่เสี่ยงมากหรอการแสดงรถยนต์นั้นยังไงก็ต้องมีการเปิดให้ชมเครื่องยนต์ได้แต่ถ้าว่าสิ่งเหล่านี้ก็ไม่ได้เลวร้ายซะที กลายเป็นประเด็นที่ทำให้คนพูดถึงและทำให้ผู้คนเริ่มรู้ว่าลัมโบกินี่ก็มีรถสปอร์ตกับเขาเหมือนกัน

อันดับที่ 2 คันที่แพงที่สุดมาถึงเรื่องราวของ Lamborghini คันที่แพงที่สุดกันบางส่วนคือลัมโบกินี่เวเนโน่โรดสเตอร์ที่มีการสร้างขึ้นมาเพียงแค่ 9 คันในโลกเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปีของ Lamborghini แหละไม่ใช่ว่ามีเงินแล้วจะซื้อมันได้แต่คุณต้องถูกเชิญให้ไปซื้อมันด้วยมันจึงได้ทำให้มันกลายเป็นที่ปรารถนาของมหาเศรษฐีทั่วโลกซึ่งล่าสุดในปี 2019 นี้ได้มี 1 คันที่ยึดมาจากรองประธานาธิบดีของประเทศอิเควทอเรียลกินีและได้มีการนำมันขึ้นประมูลซึ่งมันอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์มากๆจะมีก็แค่รอยถลอกที่พวงมาลัยเล็กน้อยเท่านั้นแต่วิ่งไปแค่ 300 25 กิโลเมตรและในที่สุดมันก็ถูกปิดประมูลไปในราคาสูงถึง 8 ล้านสามแสนสามหมื่น 7182 เหรียญสหรัฐหรือประมาณ 250 ล้านบาทในขณะที่ราคาเปิดตัวในปี 2014 นั้นมันอยู่ที่ประมาณ 4 ล้านเหรียญสหรัฐเท่านั้นเองอันดับที่ 1 ยอดขายของ Lamborghini จากผู้ผลิตรถแทรกเตอร์สู่การเป็นผู้ผลิตรถซุปเปอร์คาร์ชั้นนำของโลกโดยที่ในปี 2018 ที่ผ่านมาพวกเขาสามารถขาย Lamborghini ได้มากถึง 5750 คันคิดเป็นรายได้ 1,600 ล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 4 หมื่นแปดพันแปดร้อยล้านบาทและในส่วนของปี 2019 นี้ ตัวเลขอย่างเป็นทางการแต่พวกเขาได้ประมาณการณ์ว่าน่าจะขายได้แล้วได้ 8,000 บาทซึ่งน่าจะเป็นเงินจำนวน 1920 ล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 5 หมื่นแปดพันห้าร้อยหกสิบล้านบาท

ประวัติรถ Lamborghini ลัมโบร์กินี