Responsive Ad

ประวัติรถ BMW บีเอ็มดับเบิลยู

ประวัติความเป็นมารถ BMW บีเอ็มดับเบิลยู

ประวัติความเป็นมารถ BMW บีเอ็มดับเบิลยู


BMW ที่คุณอาจไม่เคยรู้อันดับที่เซฟความเป็นมาบริษัทนี้ก่อตั้งขึ้นมาในปี 1916 ที่ประเทศเยอรมันโดยที่แรกเริ่มเดิมทีบริษัทนี้ไม่ได้ผลิตรถยนต์มาตั้งแต่แรกกิจการของพวกเขานั้นคือการผลิตเครื่องยนต์ของเครื่องบินโดยใช้ชื่อว่ารับมอเตอร์ Inverter และต่อมาได้มีการเปลี่ยนชื่อในภายหลังโดยเครื่องยนต์ที่พวกเขาสร้างขึ้นมานั้นถือว่าเป็นชั้นแนวหน้าของวงการการบินยกตัวอย่างเช่นเครื่องยนต์ที่มีชื่อว่า bmw3 เอกชื่อเสียงให้กับบริษัทเป็นอย่างมากเนื่องจากมันเป็นเครื่องยนต์ที่มีประสิทธิภาพสูงแต่มีน้ำหนักเบาแต่ว่าช่วงแรกนั้นกิจการดูเหมือนจะเป็นไปได้ด้วยดีแต่ทว่าเมื่อสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 1 ประเทศเยอรมนีกลับเป็นฝ่ายพ่ายแพ้และทางบริษัทเองก็ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกันซึ่งจากผลของสนธิสัญญาแวร์ซายใดมีการห้ามไม่ให้ผลิตเครื่องยนต์ของเครื่องบินในประเทศเยอรมนีอย่างนั้นทางบริษัทจึงต้องหาทางรอดอื่นภายใต้ความรู้ความสามารถพยากรณ์อากาศต่างๆที่พวกเขามีในเวลานั้นโดยพวกเขาเริ่มจากการหันไปผลิต เครื่องยนต์ของรถมอเตอร์ไซค์อะไหล่ต่างๆและรวมไปถึงการผลิตมอเตอร์ไซค์ของตัวเองดอกไม้ด้วยแต่แม้ว่านี่จะเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากแต่พวกเขาก็ยังคงสู้ต่อไปจนหลายสิ่งหลายอย่างค่อยๆดีขึ้นตามลำดับจนกว่าที่บริษัทจะมีการผลิตรถยนต์ออกมาก็ปาเข้าไปในปี 1928 แล้วเหน่งอันดับที่ 9 โลโก้ในส่วนของโลโก้นี้มันถูกใช้ครั้งแรกในปี 1917 เป็นหนึ่งสิ่งที่มีผู้คนจำนวนมากเข้าใจผิดเนื่องจากพวกเขาคิดว่ามัน

คือรูปใบพัดเครื่องบินประธาน BMW เคยผลิตเครื่องยนต์ของเครื่องบินมาก่อนอีกทั้งยังมีการทำภาพโฆษณาที่โชว์คำว่า BMW เอาไว้ที่ใบพัดของเครื่องบินอีกด้วย คนจำนวนมากเกิดความสับสนและเข้าใจผิดมาโดยตลอดซึ่งแท้จริงแล้วพวกเขาเลือกใช้โลโก้ที่เป็นวงกลมตามโลโก้เก่าเพื่อสื่อความหมายถึงการขับเคลื่อนและในส่วนของสีขาวฟ้าก็มีที่มาจากธงของรัฐบาวาเรียที่อยู่ในประเทศเยอรมนีซึ่งเป็นที่ตั้งของบริษัทและแม้ว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาทาง BMW นั้นไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงโลโก้ครั้งใหญ่อะไรแต่พวกเขา ปรับปรุงแก้ไขมาโดยตลอดคือไอ้ตามยุคตามสมัยจนทุกวันนี้อันดับที่ 8 ก้าวเข้าสู่วงการรถยนต์อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วว่าด้วยผลของสนธิสัญญาแวร์ซายทำให้พวกเขาไม่สามารถผลิตเครื่องยนต์ของเครื่องบินได้ในเวลานั้นซึ่งทำให้บริษัทต้องนำไปผลิตสินค้าอื่นที่สามารถทำได้แทนซึ่ง 1 ใน 9 สำคัญของทาง BMW ก็คือการผลิตรถมอเตอร์ไซค์ในปี 1923 ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จมากพอสมควรจากนั้นในปี 1928 BMW ได้เข้าซื้อกิจการของผู้ผลิตรถยนต์ที่มีชื่อว่า assis ที่อยู่ในประเทศเยอรมนีทำให้พวกเขาครอบครองความรู้และทรัพยากรและก้าวเข้าสู่วงการรถยนต์ได้เป็นผลสำเร็จซึ่งรถตัวแรกที่อยู่ภายใต้น้ำของ BMW BMW x4 ที่มีการผลิตออกมาเพียงช่วงเวลาสั้นๆเท่านั้นเนื่องจากในปี 1952 ได้มีการเปิดตัวรถรุ่นใหม่ออกมาจากเรื่องราวนี้เราอาจกล่าวได้ว่าหากไม่มีสนธิสัญญาแวร์ซายในวันนั้นกว่าจะไม่มีรถยนต์ BMW อย่างวันนี้ก็เป็นรายอันดับที่เคยเป็นเจ้าของแบรนด์ใหญ่แม้ว่าในบางช่วงเวลาทางบริษัทต้องเผชิญกับความยากลำบากอยู่บ้างแต่พวกเขาก็ยังคงเติบโตจนก้าวขึ้นมาเป็นบริษัทชั้นนำของโลกอย่างทุกวันนี้แล้วคุณทราบไหมว่าพวกเขาก็เคยครอบครองแบรนด์รถหรูแบรนด์อื่นเหมือนกันโดยที่ในปี 1994 BMW ได้ทุ่มเงินกว่า 1 พัน 200 ล้านเหรียญสหรัฐในการเข้าซื้อหุ้น 80% ของโลกซึ่งนั่นหมายความว่าและลดต่างๆของรู้จะกลายมาเป็นของ BMW ยกตัวอย่างเช่น Mini Cooper และโรสรอยเป็นต้นแต่ทว่าในการลงทุนครั้งนี้ ไม่ดีอย่างที่คิดเอาไว้จนทาง BMW ได้ขายมันเอาไปในปี 2000 นั้นเองอันดับที่ 6 รถยนต์พลังงานไฟฟ้าหลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่าทาง BMW เคยมีการผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้ามาแล้วเนิ่นนานจึงมีการผลิตออกมาตั้งแต่ปี 1972 ภายใต้ชื่อว่า BMW 1602 อีกแต่ด้วยความที่เทคโนโลยีใน สักเท่าไหร่ทำให้มันมีประสิทธิภาพโดยกว่ารถยนต์ทั่วไปค่อนข้างมากโดยตามสเปคแล้วมันสามารถทำความเร็วสูงสุดได้เพียง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใช้เวลา

ในการเร่งความเร็วจาก 0 ถึง 48 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในเวลา 8 วินาทีในนอกจากนี้การใช้พลังงานเต็ม 1 ครั้งมันจะสามารถวิ่งได้เพียง 20 นาทีเท่านั้นจึงคงไม่เพียงพอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวันอันดับที่ 5 สำนักงานใหญ่หลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่าสำนักงานใหญ่ของ BMW นั้นแตกต่างจากอาคารสำนักงานทั่วไปโดยมันเป็นราคานี้ตั้งอยู่ที่เมืองมิวนิคประเทศเยอรมันนีและอย่างที่คุณเห็นในภาพมันเป็นตึกที่ได้แรงบันดาลใจมาจากเครื่องยนต์ 4 สูบซึ่งเป็นสิ่งที่พวกเขาภาคภูมิใจมันจึงทำให้เจ็บนี้โดดเด่นแปลกตาไปจากร้านอื่นในบริเวณนั้นแต่ได้กลายเป็นอีกหนึ่ง Landmark สำคัญที่มีอยู่ในย่านนั้นเองอันดับที่ 4 bmw กับ Lamborghini คุณอาจจะไม่เคยได้ยินมาก่อนกับการที่ BMW เคยผลิตรถให้กับทางลัมโบกินี่ซึ่งเดิมทีทั้ง 2 บริษัทนี้ไม่มีความเกี่ยวข้องกันมาก่อนฝ่ายนึงอยู่เยอรมันโชว์ในไฟล์นั้นอยู่ที่แต่ลีแต่ทว่าในช่วงปลายยุค 70s ทั้ง 2 บริษัทได้มีการตกลงร่วมมือกันในการที่ BMW จะเป็นผู้รับหน้าที่ในการผลิตรถแข่งกับ Lamborghini แต่ทว่ายังไม่ทันที่โครงการนี้จะเสร็จสมบูรณ์จากระบบที่นี่กับเขาตัวออกจากโครงการนี้เนื่องจากติดปัญหาทางด้านการเงินบางอย่างพวกเขาจึง BMW เอาไว้กลางทางแต่ทว่า โครงการนี้เสียไปอย่างสูญเปล่าพวกเขาได้สานต่อมันจนเสร็จสิ้นจนได้ว่าเป็นรถซุปเปอร์คาร์ของตัวเองในนามของ BMW M1 ที่ได้มีการผลิตออกวางจำหน่ายในช่วงปี 1978 ไปจนถึงปี 1981 คือจำนวนการผลิตทั้งสิ้น 450 3 คันและในปัจจุบันมันก็ถือได้ว่าเป็นเลข 1 และไอเทมที่เป็นที่ต้องการของนักสะสมเป็นอย่างมากอันดับที่ 3 เกือบจะกลายเป็นของเบนซ์หลังจากที่เล่าให้ฟังเรื่องของ BMW ที่เคยเป็นเจ้าของรถกลับมาแล้วในข้อนี้เรามาดูอะไรที่ตรงข้ามกันบ้างโดยที่ในปี 1959 ไหนแล้วก็เป็นปีที่ยากลำบากสำหรับ BMW ภูเขาประสบปัญหาทางด้านการเงินอย่างหนักจนถึงขั้นเกือบล้มละลายและในช่วงเวลานี้เองทางบอร์ดบริหารของ BMW ก็มีความคิดที่จะขายหุ้นส่วนใหญ่ของบริษัทให้กับคู่แข่งอย่างเต็มเรื่องเบสแต่ทว่าผู้ถือหุ้นรายย่อยและพนักงานต่างก็พากันไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้และหากว่าเดี๋ยวนี้เกิดขึ้นจริงกว่าจะกลายเป็นว่า BMW ตกเป็นของเด้อเบสแต่ทว่าท่ามกลางวิกฤตก็ยังมีวีรบุรุษผู้ถือหุ้นของ BMW ที่มีนามว่าเฮอร์เบิร์ตควันได้รวบรวมเงิน จำนวนนั้นแทนการใช้มันให้กับเต็มเรื่องเด่นแต่ตัวเขาก็กลายมาเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่แทนไม่เช่นนั้นเราคงไม่ได้เห็นการแข่งขันกันของ BMW และเป็นเหมือนอย่างในทุกวันนี้แต่ในอีกแง่มุมหนึ่งซึ่งการแข่งขันเข้มข้นมากเท่าไหร่มันก็ยิ่งทำให้บริษัทเหล่านี้อยู่เฉยไม่ได้และนำไปสู่การพัฒนาที่ดี ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ดีสำหรับผู้บริโภคอย่างเราอันดับที่ 2 ยังคงผลิตอยู่ส่วนใหญ่แล้วไม่ว่าจะเป็นบริษัทใดก็ตามก็ต้องมีวันที่สินค้าของตัวเองตกยุคไปแต่ยิ่งวันเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่โอกาสที่พวกเขาจะผลิตอะไหล่ของสินค้านั้นก็ยิ่งมีน้อยลงไปเท่านั้นแต่

สุดท้ายก็จะหยุดการผลิตไปแต่เรื่องนี้ก็ไม่เป็นจริงเสมอไปเมื่อเรามองไปที่ BMW เนื่องจากรถคลาสสิคของ BMW บางรุ่นที่ถูกผลิตออกมาในยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 นั้นลูกค้ายังคงหาซื้ออะไหล่ของรถเอานั้นได้อยู่แต่มันก็เป็นอะไหล่แท้แบบใหม่เอี่ยมสะดวกซึ่งนั่นก็เป็นเพราะว่าปัจจุบันทาง BMW ใดมีการกลับมาเปิดโรงงานเก่าของตัวเอง ของประเทศเยอรมนีและใช้ม่านสำหรับการผลิตอะไหล่และชิ้นส่วนต่างๆของรถคลาสสิคเหล่านั้นอันดับที่ 1 รายได้ในส่วนของรายได้หนังในปี 2019 ที่ผ่านมาทาง BMW สามารถทำรายได้ได้มากถึง 1 แสน 11800 2 ล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 3.5 ล้านบาทโดยที่เงินจำนวนนี้สามารถคิดเป็นกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 19500 83 ล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 6 แสนหนึ่งหมื่นสามพัน 45 ล้านบาท

ประวัติรถ BMW บีเอ็มดับเบิลยู


Post a Comment

0 Comments