Responsive Ad

รีวิวรถ Ford Everest vs Nissan Terra

รีวิวรถ Ford Everest เปรียบเทียบ Nissan Terra

รีวิวรถ Ford Everest เปรียบเทียบ Nissan Terra

เปรียบเทียบรถ suv ซ่อมคันนี้หรือรถยนต์นั่งอเนกประสงค์ 2 คันนี้ที่กำลังร้อนแรงที่สุดในตลาดรถพีพีวีบ้านเราด้านขวา Ford Everest รุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อเป็นห่วงและด้านซ้ายน้องใหม่ไฟแรงถึงแม้ว่าจะมาช้าไปหน่อยแต่ก็มาแล้ว Nissan terra ทั้ง 2 รุ่นนี้เป็นรุ่นท็อปของทั้งสองค่ายวันนี้ก็ขับ 4 กับขับ 4 ตัวนี้ราคา 1.8 ล้านบาท Nissan terra หลังวันที่ 1 มกราคมเป็นต้นไปก็ราคา 1.5 ล้านกว่าแล้ว 500 บาทฮ่าๆๆนี่ละ 300 บาทมีอะไรที่แตกต่างกันบ้างวันที่เท่าไหร่แฟนจะพามาชมแต่ในเรื่องของการลอกเดี๋ยวจะสรุปให้ฟังว่าเจ้าสองตัวนี้เนี่ยแข่งกันแล้วเป็นอย่างไร Nissan terra ต้องไปเจอกับรุ่นไหนของ Nissan Everest ถึงจะพอเพียงหรือว่าเขาจะชไหนบ้างทั้งสองฝ่ายบอกว่าหล่อพอๆกันแหละแล้วแต่ใครชอบเหมือนกันจะอยู่ด้านล่างไปเดินทางทั้งคู่มีระบบเปิดปิดไฟหน้าอัตโนมัติมีระบบเปิดปิดไฟสูงอัตโนมัติด้วยแต่ Nissan terra มีแค่ระบบเปิดปิดไฟหน้าอัตโนมัติเท่านั้นเปิดไฟสูงยังต้องใช้ระบบแมนนวลหรอกหน้าตาไม่พิจารณาแล้วแต่คนชอบว่าจะชอบแบบไหนนี่นี่สาวญี่ปุ่นแล้วแต่คนชอบเลยค่อยว่ากันตามมิติแล้วทั้ง 2 รุ่นใกล้เคียงกันมีขนาดความกว้างความยาวแตกต่างกันระดับมิลลิเมตรไม่มากเท่าไหร่ที่ว่าพอเหวี่ยงกันเหมือนกันเหมือนกันแต่คล้ายๆขนาดยางของแม็กขอบ 20 เปอร์เซ็นต์ 265 50 20 มกราคมที่ของ Nissan terra เป็น 255 50 r18 การเปลี่ยนยางแต่ละยี่ห้อพี่แพงกว่าแน่ที่ถูกกว่ายี่ห้อนิสสันใช้ Toyota ขณะที่บอกว่าระหว่าง Nissan terra กับ Ford Everest แล้วเนี่ยราคานิสสันเทอร่าในตัวท๊อป 1.47 ล้านบาทถ้าไม่เจอกับตัวขับเคลื่อน 2 ล้อเท่านั้นก็ขับเคลื่อน 2 ล้อหน้าเหมือนกันแต่นี่มันขับเคลื่อน 4 ล้อเครื่องยนต์โดยไม่รักกันจริงๆเนี่ย Nissan terra ต้องไปชนกับรุ่น 4 คูณ 2 เครื่องยนต์เทอร์โบเดียวเหมือนกันฟังก์ชันของเจ้าขับเคลื่อน 2 ล้อขับเคลื่อน 4 ล้อเหมือนกันทุกประการต่างกันที่ระบบขับเคลื่อนที่ไปขับเคลื่อน 4 ล้อและเครื่องยนต์ 4 * 2 จะใช้เครื่องยนต์เดียวคือเครื่องยนต์เทอร์โบเดี่ยว 180 แรงม้าแรง 120 นิวตันเมตรนั่นคือร้าน 5 ของ Option ข้างนอกเหมือนกันหมดทุกประการภายในเหมือนกันหมดทุกบาททุกฟังชั่นความปลอดภัยทุกฟังชั่นอำนวยความสะดวกเหมือนกับเจ้าตัวประกาศ Nissan terra 1.5 ล้านบาทเหมือนกันเป็นระบบขับเคลื่อน 4 ล้อเครื่องยนต์มันเครื่องยนต์ดีเซล 2.3 Turbo 190 แรงม้าแรงบิดที่ 450 นิวตันเมตรต้นบอกว่าเขาเป็นรถพีพีวีราคาล้านห้าที่มีแรงม้ามากที่สุดในตลาดรถยนต์เมืองไทยหรือว่าขับเคลื่อน 4 ล้อที่ราคาถูกที่สุดและแรงที่สุดในตลาดรถยนต์เมืองไทยเนี่ยไม่สามารถที่จะสู้กับคนขับ 2 ของแอมเวย์ได้แต่เครื่องยนต์เขาดีกว่าระบบขับเคลื่อน 4 ล้อถ้าเทียบราคาเดียวกันคะตอนนี้ฟังก์ชันนี้แต่ระบบขับเคลื่อนไม่ได้เครื่องยนต์มีความสูงของพื้นความสูงจากพื้นมาทั้ง 2 ยี่ห้อทั้ง 2 รุ่นนี้สูงจากพื้นเท่ากันคือ 225 ลุยน้ำมันต่างกันไม่มากเท่าไหร่หรอกลุยน้ำได้พอๆกันมีบันไดข้างมาเหมือนกันกระจกข้างโครเมียมจะเป็นสีเดียวกับตัวรถมีไฟเลี้ยวมาให้เหมือนกันทั้ง 2 ระบบเปิดปิดประตูเหมือนกันคือใช้ระบบเหมือนกันเหมือนกันหมดเปิดประตูเข้าไปดำเนินการปิดใช้กดเบรคเบรคหลังยี่เฌอร่าชัดเจนหลังเป็นดรัมเบรกหน้าดิสก์หลังดรัมอันนี้เนี่ย Toyota Fortuner นี้เขาเปลี่ยนไปหมดแล้วเขาเป็นหน้าดิสหลังดิสหลังดิสเบรค 4 ล้อละ Nissan terra ยังคงเป็นดรัมเบรคอยู่ได้อย่างชัดเจนว่าสาเหตุที่เขาใช้หลังเป็นดรัมเบรคอยู่เนี่ยเพราะว่าต้องการที่จะลดต้นทุนการผลิตลดต้นทุนเลยบอกกันง่ายๆ ฉันต้องการให้รถคันนี้ราคาถูกด้านท้ายรถกระจกด้านท้ายรถของทั้งคู่เพราะครั้งนี้มาลุยกันมาพร้อมกันเช่นเดียวกันอยู่ที่นี่กระจกอยู่ที่เหมือนกันด้านล่างเป็นสีดำความแตกต่างกันอย่างเช่นได้ชัดยังใช้ระบบแมนนวลอยู่ยังใช้ระบบพละกำลังของผู้ขับขี่และผู้โดยสารอย่างชัดเจนว่าเขาไม่มีฝาเปิดไม่มีไม่มีก็อยู่ตรงนี้ก็มีขนาดกว้างขวางมีตัวรองมาด้วยที่เคยรีวิวอยู่ใน Nissan terra ไปแล้วคะเข้าไปดูในเก่าๆได้ก็มีที่ปล่อยให้มันรอแป๊บเดี๋ยวเราไปดูการเปิดท้ายของ ford everest รุ่นขับ 2 กับขับ 4 ราคาล้านห้าล้านแปดเปิดระบบการเปิดไฟฟ้าอัตโนมัติ 4 M slaz ได้ขึ้นมาพื้นที่ใช้สอยภายในเวลาขึ้นมาแล้วเวลาตั้งขึ้นมาเนี่ยใกล้เคียงกันเหมือนกันเหมือนกันคล้ายๆกับการพับเบาะที่ทำให้ก่อนได้เปรียบอย่างคือว่าเขาพักผ่อนด้วยไฟฟ้าตรงนี้อยู่ตรงนี้ไม่เปลืองแรงและเป็นผู้ดีด้วยไม่รู้การเพาะเปล่าของการพับเบาะแถว 3 โคราชยังคงใช้เทคโนโลยีเดิมๆคือใช้เชือกดึงซึ่งอยู่ด้านข้างของตัวบ่เนี่ยมันจะลำบากในการที่จะพับมันไม่มีสลัก

โดยตรงนี้ไม่มีสระเลยต้องเข้าไปด้านข้างอยู่ตรงนี้เด้งขึ้นมาก็เห็นความยุ่งยากของมันมาจากด้านหลังเวลาเราจะเพิ่มพื้นที่อะไรเงี้ยมันก็ต้องเปิดประตูข้างเขาไปก่อนแล้วก็ไปดึงจากด้านหน้าสะดวกกว่าถ้าเปิดจากด้านหลังไม่อยากคบแหละมันจะยากว่าแกก็ใช้แรงดึงสลักตรงนี้แต่ในขณะที่ Everest กดไฟฟ้าต่างกันเยอะอันนี้คือฟังก์ชันที่บอกแล้วว่าเขาให้มาแต่เธอก็ยังเป็นแบบนวดอยู่ปิดก็แวะตรงนี้ก็ได้เหมือนกันนี่คือฟังก์ชันในด้านขวาซ้ายและที่เก็บสัมภาระด้านหลังพื้นที่เก็บสัมภาระพอๆกันเวลาตั้งพนักพิงเบาะที่ 3 มาแล้วแถวที่ 3 วันแล้วเนี่ยที่เกี่ยวกับระบบการเข้าไปดูการนั่งพื้นที่ในการนั่งในภาพของแถว 3 เบาะแถว 3 ว่านั่งสบายไหม Nissan terra นั่งสบายไหมจะเข้าไปในตำแหน่งที่นั่งแถว 3 ระหว่าง Nissan terra แล้วเดี๋ยวดูก่อนว่าใครเข้าง่ายออกง่ายกว่ากันฟังชั่นเราก็เข้ามาแล้วในตำแหน่งที่นั่งแถว 3 นั่งได้ไหมแถวสามเหลี่ยมสามารถปรับเอนได้ด้วยก็คือสลาก สลัดเดียวกับที่เราที่เราพับเบาะกันมันก็ดีขึ้น 170 ที่นั่งแถว 3 อยู่ตรงนี้ยังมีพอมีเบียร์อยู่ในพื้นที่ตรงนี้มีช่องแอร์ให้มีช่องเสียบ USB ไหมไม่มีมีแต่ต้องวางแก้วน้ำด้านข้าง 2 ข้างข้างหลังก็ถือว่าสิ่งอำนวยความสะดวกเนี่ยก็พอประมาณก็ได้ก็ไม่ค่อยชัดเท่าไหร่แล้วเนี่ยนั่งสบายแต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเนี่ยเราจะต้องเลื่อนเบาะแถว 2 วันข้างหน้าจะได้พื้นที่ขนาดนี้พ่อเดิมนี่มันเลื่อนได้ทั้งซ้ายทั้งขวาน้าสาว 2 เลือกได้อยู่แล้วถ้าเราเลือกตั้งได้ไหมเข้าไม่ได้ละอันนี้ต้องบอกก็อย่างที่เห็นต้องเลื่อนบอกผู้โดยสารตอนที่ 2 เนี่ยไปข้างหน้าให้สุดด้านหลังจะนั่งได้ก็เดี๋ยวมาดูนั่งแถวไหนว่าเป็นอะไรแต่นี่เข้าออกง่ายที่ถือว่าเขาออกให้เลยดีมากแล้วฝั่งนี้ล่ะเหมือนกันเหมือนกันเหมือนกันก็คือเข้าออกได้สบายเดี๋ยวจะมาลองนั่งในแถว 2  Nissan terra ดูอันนี้คือเข้าไปเพราะอย่างที่บอกนิสสันเทอร่ามือสองแถวเราก็บอกให้นี่คือความแตกต่างกับคลื่นที่เลื่อนไม่ขึ้นมาข้างหน้าสุดเลยนี่คือหลังสุดนั่งเป็นอย่างไรสบายเลยอ่ะมันดีมากนุ่มมากแล้วก็เป็นสีน้ำตาลอันนี้คือเป็นสีพระเอกของ Nissan เลยว่าเป็นสีน้ำตาลสวยๆชอบส่วนตัวชอบอันนี้ดูเป็นสีเป็นสีเบจสีออกครีมหน่อยเพื่อให้มันสว่างกว่าฝันดีมีที่พักแขนก็มีที่วางแก้วน้ำมาให้ก็ถือว่าใช้ได้ทีเดียวมีหนี้มีแอร์มีแอร์หลังมาโดยปรับระบบแอร์ตรงนี้แต่ยังไม่สามารถปรับอุณหภูมิได้ในขณะที่ก่อนคะไม่ว่าจะเป็นรถขับ 2 หรือขับสี่ตัวท๊อปเลยภูมิได้ด้วยนี่ปรับแรงลมเป็นข้อเสียเปรียบของเขามีช่องแอร์มาให้เหมือนกันเนี่ยเอากันมีปัญหาเย็นเท่ากันแน่นอนแต่ที่เด่นของเจ้าอีกอย่างหนึ่งในผู้โดยสารตอนหลังคือตัวนี้มีจอมาให้ด้วยจะทำงานเชื่อมอยู่กับจอดหน้าไม่ว่าเราจะดูหนังฟังเพลงอะไรก็ว่ากันไปพี่ๆที่มีจระเข้จะมีทั้งหมด 2 รุ่นด้วยกัน 2 ยี่ห้อด้วยกัน Nissan terra ตัวนี้แล้วก็ Mitsubishi Pajero Sport Mitsubishi Pajero Sport แล้วจะมีจอมาให้ด้วยมาให้ด้วยจะมีหูฟังไร้สายมาให้ด้วยสำหรับดูหนังฟังเพลงกับตัวนี้โดยที่ไม่ไปดีกว่าละขนาดนี้ถ้ามีพรุ่งนี้ตอนที่ 3 เนี่ยมันก็ต้องเลื่อนไปข้างหน้าแล้วนั่งได้เลยได้แบบหลังชั้นๆนิดนึงแต่พื้นที่กว้างขวางใช้ได้ถ้าเลื่อนเบาะพื้นที่กว้างขวางใช้ได้เลยที่วางของวางขาได้ไม่ทันมากนี่มีแอร์ให้มีไฟให้มีที่วางแก้วน้ำให้ทั้งซ้ายทั้งขวามีที่เสียบ Power LED ต้องเชื่อมาจากด้านหลังเท่าไหร่สำหรับคนที่สูง 170 แล้วเดี๋ยว 170 อ้วนด้วยก็นั่งได้แต่ต้องบอกว่าต้องเลื่อนถ้าไม่ลืมบอกลาออกมันก็ยาก แถว 2 ทั้ง 2 ยี่ห้อรับซ่อมนิสสันเทอร์ร่ามีที่จะไปที่โหดให้ผู้โดยสารแถวสองครึ่งแล้วที่ทำให้ได้เปรียบของเธอคือสิ่งอำนวยความสะดวกของผู้โดยสารตอนหลังเนี่ยมันดีกว่ามีช่องมีช่องเสียบปลั๊กไฟบ้านอยู่นี่ Nissan ไม่มีแอร์ด้านหลังสามารถปรับอุณหภูมิได้ด้วย

พัดลมด้วยพัดลมได้อย่างเดียวอย่างเดียวไม่มีการปรับอุณหภูมิการให้ความสำคัญของที่นั่งตอนหลังทำได้ดีกว่าไม่มีแฟนตัวต่อดีกว่าพวงมาลัยแบบ Nissan Navara ล้วนๆเลยแต่มันพวงมาลัย multi function ละมีคนชอบก็มีคนเกลียดมีคนบอกรับไม่ได้ก็ว่าไปดูในเรื่องของการใช้งานในตัวนี้เนี่ยค่อนข้างที่จะลงทุนพอสมควรใช้คำว่าพอสมควรยังมี 3 มิติตรงนี้ด้วยจะแสดงในเรื่องของฟังก์ชันการใช้งานทั้งหลายของรถจะอยู่ตรงนี้วันนี้ก็ไม่มาไม่มีในตัวเธอว่ามาแล้วตัวนี้มาหน้าจอหรือว่าภายในสุราษฎร์ยังไม่ขี้เหร่แต่ไม่โดดเด่นด้านหน้าเนี่ยไม่ขี้เหร่จะไม่เด่นเลยเป็นฟังก์ชันใช้งานแบบฟังก์ชันค้าเลยเป็นรถที่ใช้งานเลยไม่เน้นความหรูหราสวยอะไรมากมายที่บอกเมื่อสักครู่นี้แล้วมาพวงมาลัย multi function ด้านขวาเป็นระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแต่เป็นระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบธรรมดาธรรมดายังไม่เป็นแบบนี้ด้านซ้ายเป็นระบบการควบคุมเครื่องเสียงเหมือนกันอันนี้ถือว่าทางเหมือนกันอยู่ยังไม่ได้ติดมาจากโรงงานนี้ยังต้องไปใช้ยี่ห้ออื่นเข้ามาติดตั้งระบบเนวิเกเตอร์ทั้ง 2 ยี่ห้อตัวนี้ก็มีบริการในการที่ Elsa ของทาง SMS เองก็ว่ากันไปมีระบบนำทางมาให้ทั้งคู่ของนิสสันหน้าไฟฟ้า 8 จุดโดยสารปรับไฟฟ้าแบบ 4 จุดแปลว่าไม่เท่ากันได้ไม่เท่ากันแต่ในขณะที่เป็นเบาะปรับไฟฟ้า 8 จุดทั้งผู้โดยสารตอนหน้าและผู้ขับต่อหน้าเหมือนกันตัวนี้ชอบไม่ชอบไม่ชอบก็ไม่ชอบเฉยๆตรงนี้ด้วยมีที่วางของตรงนี้ซึ่งไม่ชอบเลยว่าไม่มีที่วางของตรงคอนโซลด้านหน้าเนี่ยมันสะท้อนแสงขึ้นไม่เข้าใจว่าวิศวกรออกแบบมาได้ไงให้มีการวางของบนคอนโซลด้านหน้าตัวนี้อันตรายมากที่โดดเด่นของเจ้าที่ศาลพระภูมิใจมากเป็นกระจกอัจฉริยะอัจฉริยะแล้วก็เป็นระบบฟังชั่นที่ Nissan มีอยู่ค่ายเดียวคือมองรอบคันมีกล้องมองรอบคันอยู่นี่มีกล้องมองหลังติดกล้องหลังปรับเปลี่ยนมุมได้ตอนนี้กล้องตัวนี้เนี่ยค่ายอื่นไม่มีอยู่ที่กล้องมองหลังก็ต้องเปิดทิ้งไว้ตลอดว่าเปิดไว้รอมันแบบนี้มันก็ปกติกล้องที่เป็นฟังก์ชันใช้งานถ้าใครชอบก็ชอบไม่ชอบก็เปิดเป็นเพราะปกติก็ได้ถ้ามีสิ่งของที่วางเกะกะอยู่ด้านหลังมีคนนั่งเยอะๆกับสายตาก็จ้องได้ซึ่งตัวนี้ซื้อกล้องมองหลังกล้องมองรอบคัน Nissan เนี่ยไม่ยอมอาศัยตัวกลาง บอกได้เลยอ่ะเนี่ยตรงนี้ตรงนี้ตรงนี้แหละนอกจากร่องน้ำมีอะไรตัวนี้เป็นจอขนาด 7 นิ้วในขณะที่จอ amoled ขนาด 8 นิ้วฟังก์ชั่นการใช้งานโทรศัพท์ได้เชื่อมต่อบลูทูธได้ทั่วไปไม่มีอะไรโดดเด่นเป็นระบบอิสระซ้ายขวาระบบขับเคลื่อนอยู่ที่นี่เพื่อนที่ขับเคลื่อน 2 ล้อขับเคลื่อน 4 ล้อขับเคลื่อน 4 โลเข้าตรงนี้หมดปลายสามารถปรับเปลี่ยนได้อย่างเดียวเท่านั้นที่เราจะต้องอยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้องก่อนถึงจะเข้าได้ที่เป็นระบบขับเคลื่อนระบบเวลาจะลงทางลาดชันสกัดก็กดตัวนี้ไปตัวนี้เป็นตัวใหม่เหมือนกันที่เอามาวางคู่กับเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร 150 แรงม้าตัวนี้เครื่องใหม่ตัวนี้มีที่วางน้ำที่ตรงนี้มีที่เสียบอยู่ในช่องเก็บ

ของอีก 1 ช่องตรงนี้เหมือนกันเหมือนกันคือภายใน 2 ทิศทางเท่านั้นไม่มีสิทธิทางเช่นเดียวกับทิศทางของระบบเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีดสามารถขึ้นลงได้ด้วยไม่มีปุ่มตรงนี้ซึ่งการใช้งานค่อนข้างยากต้องใช้เวลาในการภายในของรากเป็นอย่างไรก็อยู่ในก็ต้องบอกว่าฟังก์ชันในเนี่ยมาค่อนข้างที่จะเต็มแล้วก็ดูทันสมัยกว่าเธอเธอเรายังมีกลิ่นถ้าอยู่เยอะไปหน่อยคะมีกลิ่นอายของรถกระบะเยอะหน่อยแต่ตัวนี้มาแล้วมันเหมือนรถกระบะที่แต่งเต็มมากกว่าดูดีกว่าเป็นฟังก์ชันเป็นห่วงอะไรทั้งนั้นแต่นี่แหละจะดูดีกว่าเป็นหนังที่ดูนุ่มกระชับมือด้านซ้ายด้านซ้ายของเครื่องเสียงแล้วก็เรื่องของชุดเครื่องเสียงชุดซอสต่างๆด้านขวาเป็น Active Cruise Control ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันอักษรในการเลือกดูต่างๆว่าเรื่องดูข้อมูลของการทำตัวพรุ่งนี้ตอนนี้ถือว่าเป็นเหมือนกันอันนี้ถือว่าไม่ได้แตกต่างกันมากแต่ว่าหน้าจอของหน้าจอมาตรวัดของเจ้าจะดูทันสมัยกว่าเธอเพราะเธอเป็นมากกว่า 200 บาทแล้วก็มีจอย KFC ตรงกลางแต่ตัวนี้มันจะไปจอดที่สองด้านแล้วก็มีจอความเร็วอยู่ตรงกลางอันเดียวน้องเนี่ยรอบเครื่องยนต์เนี่ยจะถูกซ่อนอยู่ไหนตอนที่เราสามารถปรับแต่งได้นี่เป็นจอที่เป็นระบบเชื่อมต่อละอันนี้เป็นระบบที่ผลิตขึ้นมาสำหรับตัวพัฒนามาจับเลยว่ามีฟังก์ชั่นการใช้งานเยอะแยะไปหมดแล้วก็สามารถ Link เข้ากับโทรศัพท์ของเราได้เต็มรูปแบบมากกว่าในรูปแบบสไลด์กับโทรศัพท์มือถือแต่ตัวนี้เชื่อมได้มากกว่าระบบการขับเคลื่อนของ nlp มีเยอะกว่ามันมีระบบระบบขับ 4 ที่วิ่งบนหญ้าวิ่งบนซ้ายวิ่งบนโคลนเลนวิ่งบนหินมีความแยกย่อยให้มากกว่านี้เป็นอะไรอัตโนมัติจอดแบบขนานที่เคยแสดงให้ดูในของ Ford Wildtrak แล้วว่าแบบนั้นไม่มีไม่มีรถ ppv ยี่ห้อไหนมียี่ห้อเดียวกับสองตัวท็อปและขับสี่ตัวท๊อปคะ speed ในตัวกับ 2 ก็เป็นเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีดเหมือนกันแต่เครื่องยนต์แค่ 2.0 ลิตรเทอร์โบเดียวเหมือนกันแต่ตอนนี้คู่ที่บอกว่าต้องเปลี่ยนเป็นตัวนี้ไม่ชอบไฟฟ้า 8 ทิศทางด้านข้างก็ปรับไฟฟ้า 8 ทิศทางเหมือนกันลำโพง 9 ตัว cara ลำโพง 6 ตัวตัวนี้ 4.1 ไปในเรื่องของฟังก์ชันใช้งานจนถึงแถวหลังเลยแล้วแต่คนชอบไม่ชอบมีที่เก็บมาให้ด้วยที่เก็บแว่นตามาให้ด้วย ถือว่าการใช้งานบอกนั่งหรืออะไรก็ตามแต่ว่ามันสบายก็พอกันเท่าไหร่หรอกแต่เดี๋ยวเราจะไปกันเลยดีกว่าว่าเจ้า Everest และสุราษคันไหนน่าใช้กว่ากันและคุ้มค่ากับการรีวิวให้เห็นกันแบบคร่าวๆระหว่าง Nissan terra อาจารย์การใช้งานเป็นอย่างไรเองได้ลองขับทั้ง 2 รุ่นว่าตัวไหนดีกว่ากันมันมี 2 รุ่นให้เลือกคนขับสี่ตัวท๊อปราคาเป็นล้านแต่ได้ราคาล้านห้าที่ Nissan terra เขาอยู่เนี่ยต้องไปเจอกับตัวขับเคลื่อน 2 ล้อที่เป็นเครื่องยนต์ตัวล่างด้วยเครื่องยนต์ 2.0 Turbo เดี๋ยวด้วยวันนี้แค่ 180 แรงม้าแรงบิดแค่ 420 นิวตันเมตร Nissan terra
รีวิวรถ Ford Everest เปรียบเทียบ Nissan Terra 1

เขาเครื่องยนต์ดีเซล 2.3 Turbo  190 แรงม้าแรงบิด 450 นิวตันเมตรเครื่องยนต์รถขี่กันแล้วได้ราคาเดียวกับทิศเหนือกว่าด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อเครื่องยนต์เล็กกว่าแรงกว่าแรงบิดน้อยกว่าภายในทั้งหมดแล้วว่าฟังก์ชันภายในของรากเป็นอย่างไรแต่สิ่งที่ทำให้ก่อนได้เปรียบเธอขึ้นมาอีกนิดนึงก็คือของขวัญความปลอดภัยเพราะทางความปลอดภัยไว้มากมายเลยขับเคลื่อน 2 ล้อตัวท็อปเนี่ยมีฟังก์ชันเทียบเท่ากับเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยมากที่สุดในตลาดไม่ว่าจะเป็นในรูป 1/2 1/4 เขากินขาดแต่ความปลอดภัยที่เธอล่ะมีมาให้เนี่ยมันก็พอเพียงเพราะมีเดินออกนอกเลนมีมี Cruise Control จะเป็นแบบธรรมดาให้มีจอหลังมีกล้องมองรอบคันด้วยที่สำคัญไม่มีกล้องมองรอบคันซึ่งว่าชอบมากแต่ติดตรงที่ว่าไปใส่อยู่ที่กระจกมองหลังนั่นแหละมันเล็กเกินไปอันนี้มันน่าเกลียดแต่ดีกว่าไม่มีให้สรุป 1.5 ล้านวางไว้ที่ 1.5 ล้านเช่นเดียวกัน 4 เครื่องยนต์แรงกว่า 1.5 ล้านตัวนี้ได้ขับ 2 เครื่องยนต์เล็กกว่าสนุกกว่าสนุกกว่าแน่นอนบอกได้เลยว่าถ้าจะให้ขับสนุกถ้าจะให้ดีต้องเป็นตัวท๊อปเครื่องยนต์แบบสบายๆสบายใจสวัสดีรถดีนั่งสบายต้องเป็นตัวท๊อปมันก็คือแบบนั้นเองถ้าเทียบตัวล่างตัวอักษรซึ่งเป็นเครื่องยนต์สูบเดียวแล้วเนี่ยเขาไม่สนุกเลยค่ะไม่มันเลยไม่ได้ขับดีกว่าเครื่อง 2.3 Turbo 190 แรงม้า 450 นิวตันเมตรดีกว่าในเรื่องของพละกำลังเครื่องยนต์แต่ถ้าตัวนี้เทียบกับเทอร์โบคู่ของที่ราคา 188 ขับมันกว่าแต่คนแรกกับ 300000 ที่ต้องเพิ่มขึ้นเพื่อให้ได้ขับเคลื่อน 4 ล้อเหมือนกันให้ได้เครื่องยนต์ที่ใหญ่กว่าแรงกว่า 3 แสนคุ้มหรือเปล่าอยู่ที่ท่านผู้ชมได้ฟังก์ชั่นความปลอดภัยที่เยอะขึ้นด้วยนี่คือรีวิว TV 2 รุ่นนี้ยี่ห้อนี้ที่กำลังเป็นที่ไปกันมาอยู่พอสมควรว่าตัวไหนน่าใช้ตัวไหนไม่น่าใช้และ Auto life thailand สรุปให้ท่านได้รับทราบโดยเบื้องต้นราคาล้านห้ากำลังรถยนต์มากกว่าไม่ได้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อความสะดวกสบายภายในแต่มันไม่ได้ฟังก์ชั่นความปลอดภัยบางตัวในขณะที่มีตังค์เงินถุงเงินถังร้าน 8 ได้ครบทุกอย่างเหนือกว่าทีวีแต่ถ้าล้างหน้าด้วยกันอัตราการสิ้นเปลืองอัตราการประหยัดน้ำมันเครื่อง 2.0 Turbo เทอร์โบของนิสสันเทอร่าอย่างค่อนข้างจะมากทีเดียวตัวนี้ถ้าเป็นเทอร์โบคู่นี้อยู่ประมาณ 10 กิโลเมตรต่อลิตรถ้าอยู่บนอวกาศกิโลเมตรต่อลิตรวิ่งทางไกลๆ 11 กิโลเมตรอยู่ที่ 80 กิโลเมตรในการใช้งานจริงประหยัดน้ำมันกว่าแต่ถ้าเป็นปชั่นกินน้ำมันมากกว่าเพราะว่าเขาต้องแบกน้ำหนักมากกว่าในขณะที่กำลังพลน้อยกว่าว่ากินใกล้ๆกับตัวนี้แล้วล่ะประหยัดน้ำมันใกล้เคียงกันจะเป็นเกี่ยวกับ 2.3 Turbo ตัวนี้แต่ว่ากำลังมากกว่านี่แหละในเรื่องของอัตราการประหยัดน้ำมันและนี่คือข้อสรุป


รีวิวรถ Ford Everest vs Nissan Terra

Post a Comment

0 Comments