รีวิวรถ Honda Legend Gen 2

รีวิวรถ Honda Legend Gen 2

                ยุค 90 ยุคนั้นเนี่ยต้องยอมรับอย่างนึงว่ามันเป็นยุคที่เบิกบานหรือเบ่งบานของผู้บริโภคและผู้ผลิตรถยนต์จริงๆเทคโนโลยีและนวัตกรรมหลายอย่างเกิดขึ้นจากยุคนั้นและยังสืบเนื่องต่อมาจนถึงปัจจุบันสำหรับรถเที่ยวมารีวิวในวันนี้มันเป็นรถของค่ายเจ้าตลาดและมันเป็นรถตัดชิดของค่ายนั้นวันนี้มาพบกับ Honda Regent A7 ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณคุณป้อมคุณต้อมแบบเป็นสมาชิกในช่องและกรุณามากๆที่เอารถคันนี้มาให้รีวิวโดยส่วนตัวเนี่ยได้มีโอกาสพบเห็นรถคันนี้ตั้งแต่ตอนสมัยทำงานอยู่ยังเป็นมนุษย์เงินเดือนอยู่ในช่วงยุคปี 2000 และนานขนาดนั้นจนมาถึงตอนนี้ถึงมาได้พบกันอีกครั้งหนึ่งรีเจ้นท์เป็นรถในกลุ่มรักหรือว่าอี segment ของทางค่ายฮอนด้ามันมีต้นกำเนิดมาตั้งแต่ 1985 จนถึงณปัจจุบันเนี่ยตั้งแต่แรกเริ่มเลยเนี่ยมันถูกกำหนดไว้ว่าถูกวาง Position ให้อยู่ในตำแหน่งของเรือธงของ Honda มาโดยตลอดจนทุกวันนี้มันผ่านมาแล้วทั้งหมด 5 รุ่นเที่ยงที่ 1 ka1 ถึง ka 6 ในปี 1985 ที่ 2 A7 กับ k8 ในปี 1997 ที่ 3 K9 ในปี 1995 เรียนที่ 4 KB 212 ในปี 2004 และเส้นสุดท้าย 75k c12 ในปี 2014 สำหรับ Agent ในบ้านเราเป็นที่น่าเสียดายว่าทาง Honda เอาเข้ามาขายแค่เพียงที่ 2 กับที่ 3 เท่านั้นหลังจากนั้นเนี่ยมันไม่ได้มีเข้ามาขายในบ้านเราอีกเลยรถในบ้านเราที่มีเยอะที่สุดก็คือจะเป็นเสียงดีเชิญที่ 2 j7 มันจะเป็นโฉมเฟอร์ดีไซน์แบบซีดานส่วน k8 ที่อยู่ในช่วงเดียวกันมันจะเป็นแบบ 2 ประตูจ๊ะคำว่ารีเจ้นท์ในภาษาอังกฤษมีความหมายว่าตำนานและคันนี้ก็เป็นตำนานเช่นเดียวกันรถที่รีวิวในวันนี้คือ Honda Regent 3.2 v6 ตัวรหัสเด็กก็คือ ka 7 และรถคันนี้เป็นรถในปี 1993 ชนกันอีกตัวนึงจะหาง่ายมากดูเลขเครื่องเลขตัวถัง คันนี้เดิมๆทั้งคันเครื่องยนต์เป็นเครื่องยนต์เบนซินแบบวางกลางขับ 2 ขับหน้าด้วยระบบส่งกำลังจะเป็นสายพานตู้เครื่องที่มีขนาด 3.2 ลิตรรหัส c32 AV 6f EMS จะมีกำลังทั้งหมด 200 แรงม้าที่อาจจะเป็นเกียร์ออโต้ 4 สปีดขอฟังเสียงเครื่องยนต์กัน 0-100 อยู่ที่ 8.1 วินาที 223 กิโลเมตรต่อชั่วโมงวงเลี้ยวตามสมัยรถยุค 90 มีขนาด 1.6 เมตรระบบเบรคหน้าหลังจะเป็นพิเศษทั้ง 4 ล้อและให้ ABS มาด้วยส่วนช่วงล่างจะเป็นแบบอิสระ Double wishbone ทั้งหน้าและหลังยางเดิมติดรถจะมีขนาด 205 60 R15 ตัวซุ้มล้อ


                เนี่ยเขากำหนดให้ใส่ตั้งแต่ 205 จนถึง 2015 ตอนนี้คันนี้ใส่ยาง 225 40 r18 จะเห็นว่าแก้มยางใหญ่ขึ้นทั่วแมพเนี่ยก็ไปใส่ BBS RG ตัวนี้ของแท้และหน้าใส่ 8 หลังใส่ 9/9 เครียดหรือว่าจุดต่ำสุดของตัวรถจะอยู่ที่ 150 mm หลังคาสามารถรับน้ำหนักได้ 75 กิโลกรัมและด้านบนเป็นฟัน ไม่รู้อะไรของมันจะมองเห็นไหมแต่เวลาที่เราเปิดไฟหน้าตอนกลางคืนเนี่ยตัวเรือนไมล์เดี๋ยวมันจะเป็นสีเขียวหรือว่าเป็นสีฟ้าสวยมากจากซ้ายไปขวาอุณหภูมิน้ำวัดรอบความเร็วไม่ลดความเร็วคันนี้ไม่ใช่ 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมงอันนั้นเป็นไมล์ตัวเลขของกิโลจะเป็นสีแดงไม่คันนี้อยู่ที่ 220 กิโลเมตรต่อชั่วโมงและขวามือจะเป็นเกี่ยวกับเรื่องน้ำมันโดยรวมและคอนโซลกลางก็ตามคาแรคเตอร์ของ Honda ในสมัยนั้นมีกลิ่นอายของ Honda เลยเวลาเข้ามาดูปุ๊บเนี่ยมันจะรู้สึกได้ว่าอะไรเนี่ยไม่น่าจะเป็นรถของ Honda วัสดุคอนโซลทั้งหมดจะเป็นแบบสอบถามเวลาจับแล้วมันให้ความรู้สึกที่ดีมากตรงนี้ก็ยังเป็นเด็กอยู่เลยคอนโซลกลางเดิมจะเป็นลายไม้แต่คันนี้เจ้าของเดิมเอาไปทำเคฟล่ามา ไล่ฝ้าปรับความสว่างเรือนไมล์เบรคมือเป็นแบบแป้นเหยียบเวลาใช้งานกดเข้าไปกดออกตรงนี้ถุงลมนิรภัยมี 2 ลูกคู่หน้าด้านบนช่องแอร์ขนาดใหญ่ 2 ช่องช่องแอร์ในจะเป็นแบบมาตรฐาน 4 ช่องนาฬิกาดิจิตอลไฟฉุกเฉินตรงนี้เป็นตัวที่ปรับนาฬิกากะจะเปิดยากนิดนึงเป็นแบบดิจิตอลฟังก์ชั่นการใช้งานไล่ฝ้าภายในภายนอกแล้วก็ปุ่ม Auto อุณหภูมิเนื่องจากว่ามันเป็นรถยุโรปสามารถปรับร้อนเย็นได้วิทยุของเดิมที่จำได้มันจะเป็นโลโก้ Honda เพื่อนๆเลยใช้ CD ปกติจะเป็นขนาดที่ดินแบบนี้แหละเหี้ยเป็นเพลี้ย มันสามารถจอดแตกหรือว่าจอดเข็นได้เพราะมีระบบซิปล็อคมาให้ด้วยเนื่องจากที่พักแขนมันใหญ่ยาวมันมีขนาดใหญ่พอสมควรแต่ไม่ลึกมาก ได้บ้างแก้ไขของนั่งด้านข้างคนขับมีขนาดใหญ่จุของได้เยอะอยู่กระจกมองหลังเป็นแบบโยกกับแสงไฟ 2 ห้องโดยสารและไฟส่องแผนที่เป็นหลอดแอลอีดีมาของจริงไม่ใช่แบบนี้ restroom มีขนาดหนึ่งกลับบ้านพื้นที่วางเท้าทำได้ดีมากมีขนาด 1 กำปั้นเช่นกันจุดเด่นของเบาะแถว 2 รีเจ้นท์อีกอย่างหนึ่งก็คือมันปรับไฟฟ้าปรับนอนได้เลยสบายมากแถว 1 น่ะดีแล้วจะบอกแถว 2 รีเจ้นท์ชขาดนั่งสบายมากเหมือนนั่งโซฟาอยู่บ้านจริงๆหัวหมอนปรับได้ 2 ระดับตำแหน่งอ่ะมันดีมากออกแบบนี้ดีจริงๆถ้านั่งทางไกลยาวๆบอกแล้วว่าคันนี้มีหลับสบายมากอยากให้ไม่รู้ว่าจะอธิบายยังไงแต่อยากให้คนที่ดูคลิปเนี่ยได้รู้สึกเหมือนว่าไอ้ที่บอกว่ามันสบายมันสบายยังไงแต่วิธีเดียวที่คนจะทำได้นอกจากฟังแล้วก็ต้องซื้อรีเจ้นท์มาใช้ ชอบที่พักแขนมีขนาดใหญ่ยาวมากวางได้สบายเลยดีเลยด้านในเป็นเก๊ะใส่ของและสามารถควบคุมวิทยุจากด้านหลังได้ตำแหน่งบอกคนที่ 5 มันนั่งดีเบาะนุ่มเชียร์แต่ว่าด้านหลังแข็งนิดหน่อยแต่ว่าถือว่าใช้งานได้ไม่ได้ดูแย่พื้นที่วางเท้ามีเป็นของตัวเองและมีพื้นที่ขยับด้วยกว้างอีกประมาณ 3-4 นิ้วทีเดียวไม่จำเป็นต้องไปแคร์พื้นที่กับที่นั่งคนที่ 3 คนที่ 4 คนโตนั่งได้อาจจะอ่านนิดหน่อยแต่ถ้าเด็กๆบอกแล้วว่าตำแหน่งนี้สบายเนื่องจากว่ามันเป็นรถที่ทำมาสำหรับผู้บริหารไม่ได้เอามาไว้นั่งเบียดกันเพราะฉะนั้นตรงกลางจะไม่มีหัวหมอนมาด้วยไม่ได้ทำเผื่อไว้ตรงคอนโซลกลางด้านหลังจะมีที่จุดบุหรี่มาให้ 1 อันประตู แถว 2 จะมีที่ปรับเบาะไฟฟ้าที่เขี่ยบุหรี่และ Welcome LINE มาให้ด้วยอีกอย่างหนึ่งที่อยากให้ดูและเป็นความภูมิใจของเจ้าของรถคันนี้สมุดรับประกันแล้วก็บุ๊คติดรถคันนี้จะให้ดูที่อยากให้ดูบันทึกการบำรุงรักษาหมดแล้วเท่านั้นไม่พอคันนี้เข้าศูนย์มาโดยตลอดจนถึง 180000 ตอนนี้ยังวิ่งไม่ถึงยังไม่ถึงคิวเข้ารถคันนี้เจ้าของตอนนี้เป็นมือที่สามและต้องบอกว่าตั้งแต่เปลี่ยนมือมาคันนี้ไม่เคยเปลี่ยนทะเบียนเลยสุดยอดมากพวกมึงยังเป็นภาษาอังกฤษอยู่เลยค่ะอยู่เดิมๆแบบนี้ซ่อมอะไรไปบ้างอยู่ในนี้หมดเลยห้องเก็บสัมภาระหรือฝาท้ายเปิดได้ 2 วิธีวิธีที่ 1 ก็คือกุญแจพื้นที่ที่ 2 สวิตซ์ที่ประตูฝั่งที่นั่งด้านคนขับ ห้องเก็บสัมภาระของรีเจ้นท์มีขนาดค่อนข้างใหญ่เห็นแบบนี้มันมีขนาดพื้นที่เก็บสัมภาระถึง 427 L อันนี้กระเป๋าวางดันสุดเลยแต่มันตั้งไม่ได้ถ้าเราวางตามแนวความยาวฝาท้ายกว้างใส่ของสะดวกเองก็เข้าง่ายเนี่ยพื้นที่ขนาด 427 L ตรงเข้ามานอนในนี้แล้วกระเป๋าขนาดกลางยังวางได้สบายเลยกว้างมากไหมล่ะไฟห้องเก็บสัมภาระอยู่ตรงนี้เดิมๆไม่ใช่แอลอีดีอันนี้เขาเปลี่ยนหลอดมาแล้วมีหูสำหรับแขวนของทางด้านขวามือ 1 อันทางด้านซ้ายมือจะมีช่องใส่ของและเจอสิ่งที่น่าสนใจอย่างไรมันเป็นอะไรหลายคนคงไม่รู้ถ้าไม่ใช่คนใช้ล้อรุ่นนี้มันเป็นที่เปิดฝาล้อของ เด็กรุ่นหลังไม่เคยเห็นทำยังไงเขากั้นล้อหายถึงจะถึงตัวน็อตไปไหนแกะแล้วให้ดู

ถึง BTS in Japan ขับคันนี้ที่มันเป็นล้อขอบ 18 ก็บอกแล้วว่ามันดีข้อที่ 4 ภายในห้องโดยสารนั่งสบายทุกตำแหน่งแย่ที่สุดตำแหน่งเดียวคือตำแหน่งคนขับไม่รับตำแหน่งที่ 5 เบาะแถว 2 หลอดไฟฟ้าได้ด้วยเพราะฉะนั้นมันเป็นรถที่เกิดมาสำหรับผู้บริหารอย่างแท้จริงข้อที่ 5 ค่าบำรุงรักษาต่ำถ้าเชื่อของรถที่โหลดในยุคเดียวกันข้อเสียข้อที่ 1 หารถสภาพเดิมๆไม่ยากมากสมัยนี้ใครที่ขับรีเจ้นท์ถ้าคุณขับรถเดิมๆบอกแล้วว่าคุณกำนันแสนอยู่ข้อที่ 2 อะไหล่ไม่ได้แพงแต่มันหายากโดยเฉพาะ Body Parts เพราะว่าส่วนใหญ่รถพวกนี้มันได้รับความนิยมในอเมริกามากเชียงกงทางญี่ปุ่นก็จะตัดส่งไปที่เมกาเลยหายากจ๊ะเพราะฉะนั้นใครที่เล่นรถรุ่นนี้แล้วอยาก เก็บรักษาตั้งนานและนำให้หาซึ้งๆเก็บไว้สัก 1 คันข้อที่ 3 ข้อมูลเกี่ยวกับ k7 ในบ้านเราหายากมากใครที่เล่นรถรุ่นนี้ต้องดูจากต่างประเทศเท่านั้นเลยในบ้านเราไม่ค่อยมีคนมีข้อมูลมีคนเล่นสายเลือดมีจริงไหมบอกว่ามีจริงแต่มันไม่มีข้อมูลออนไลน์หรือสู่สาธารณชนเท่าไหร่ข้อที่ 4 อัตราสิ้นเปลืองมาก 5-6 กิโลเมตรในเมืองแต่โดยส่วนตัวอย่างที่พูดไปแล้วต้องให้ความเป็นธรรมกับมันด้วยตัวรถเองอ่ะหนัก 1.5 ตันกว่ากับ 1.6 ตันตัวเครื่องขนาด 3.2 ลิตรไม่อย่างนั้นมันจะพา Body ตัวมันไปไหวได้ยังไงข้อ 1-5 พวงมาลัยเบามากสำหรับมองว่าเวลาขับด้วยความเร็วสูงเนี่ยพวงมาลัยไม่ให้ความมั่นใจเลยอันนี้เป็นข้อเสียอย่างเดียวสำหรับรถรุ่นนี้ ที่ชอบมากที่สุดสำหรับการประจำรุ่นของ k7 นั้นต้องบอกแบบนี้ว่ามันมีน้อยมากส่วนใหญ่ซ่อมแซมอายุเท่านั้นแต่อะไรที่พอจะเรียกว่าเป็นอาการประจำรุ่นได้ในเรื่องของ j7 ก็คือเรื่องความร้อนแต่คุณต้องเข้าใจว่าอายุงานรถมานานขึ้นก่อนหน้าที่คุณจะได้มาเป็นเจ้าของและเราไม่รู้ว่าคนก่อนเขาดูแลรักษายังไงบ้างเพราะฉะนั้นเรื่องความร้อนสำคัญวาล์วน้ำปั๊มน้ำหม้อน้ำต้องเช็คต้องตรวจสอบดูให้ดีข้อต่อหลายๆอย่างคุณต้องเช็คดูและคุณจะสามารถใช้รถคันนี้ได้อย่างมีความสุขเรื่องในเมืองอยู่ที่ 5-6 กิโลลิตรนอกเมืองได้ที่ 9-10 KL โดยเฉลี่ยแล้วเนี่ยมันอยู่ที่ประมาณ 7-8 โลลิตรและหลายคนบอกว่ามันกินน้ำมันอันนี้ไม่เถียงแต่อย่าลืมว่า Body ตัวมันเองเนี่ยมีขนาดถึง 1.5 ยังเลยถ้าเทียบกับน้ำหนักตัวแล้วมองว่ามันโอเคเลยคู่เปรียบเท่าที่นึกออก 1 Benz w124 สอง BMW E34 3 Mazda 929 4 Volvo 960 และ 5 Toyota Crown ms133 ศูนย์ราคามือ 1 มือ 2 ตัวพี่ก็มันอยู่ที่ 20,000 บาทแต่เพราะเป็นเฟซแล้วมันอยู่ที่ 2600000 บาทหลายคนคงงงว่าเฮ้ยทำไมราคามันต่างกันเยอะขนาดนั้นถ้าใครที่อยู่ในวัยและพอนึกย้อนไทม์ไลน์กลับไปได้ช่วงนั้นมันเป็นช่วงที่ปรับอัตราภาษีพอดีเลยมีส่วนต่างขึ้นมาอีก 500 - 600 ทีเดียว ราคามือสองราคาถูกที่สุดที่ผ่านตาอยู่ที่ 6,000 ราคาที่แพงที่สุด 1.9 แสนแต่ราคาที่ซื้อขายทั่วไปในสภาพดีๆอยู่ที่ประมาณ 1.3 1.4 แสนความเห็นส่วนตัวสำหรับรีเจ้นท์ตอนนี้รถที่มีราคาสูงมันจะเป็นรถเดิมๆอย่างคันที่ขายไปได้ราคาแพงๆเนี่ยเดิม

                ทั้งคันเลยเพราะฉะนั้นตอนนี้มองว่ามันกำลังมาในเรื่องของรสเดิมๆจ๊ะอันนั้นมันเป็นรถที่สามารถใช้ในชีวิตประจำวันได้เครื่องยนต์เนี่ยมันทนไม่จุกจิกอาการประจำรุ่นมีน้อยมากแต่พี่ก็กลัวกันก็คือบดิพัฒน์ทั้งหลายแหล่และพวกขอบยางต่างๆสำหรับใครจะต้องการความแตกต่างใครที่ต้องการไม่เหมือนใคร คือคำตอบถ้าคุณอยากเป็นตำนานคุณต้องขับรีเจ้นท์และถ้าคุณรักรถเราก็เพื่อนกันสวัสดี ความเร็วสูงอ่ะมันขาดความมั่นใจ สำหรับข้อที่สองก็คือเรื่องอัตราการสิ้นเปลืองในเมืองเนี่ยหลายๆคนบอกว่ามันกินดูเผื่อมันกิน 5-6 กิโลเมตรก็จริงไม่เถียงเลยแต่ก็มองว่ามันเป็นรถเหมาะกับการใช้ระหว่างเมืองมากกว่าเวลาที่คุณเข้ามานั่งในห้องโดยสารเนี่ยอย่างนี้ได้ว่าความรักความรักจากมันต้องเก็บเสียงได้ดีเสียงภายนอกมาถึงภายในแตกต่างกันเยอะมาก Option มาเต็มมาครบเดือนเขาก็คือในเรื่องของธรรมดาวิสัยมันเป็นรถใหญ่ก็จริงแต่ถ้าไม่มีมึงเลย เราสามารถดูได้ทุกคันเลยอันนี้เป็นที่ชอบมากค่ะรักของตัวเครื่องยนต์รถ Honda แท้ๆกับสปาร์คกลิ้งเคยขับแต่คุณบีมาก่อนมาก่อนมาก่อนจะรู้เลยว่าเอออันเนี้ยมันคือรถ Honda จริงๆช่วงล่าง แน่นนุ่มหนึบต่างจากรถฮอนด้าทั่วไปที่เคยรู้จักในยุคนั้นเขาบอกว่าตัวนี้ถือว่าไม่เป็นรองใครเป็นรองตรงที่ว่ามันเป็นรถค่ายญี่ปุ่นแต่ราคาดุเดือดเลยทำให้คนที่ซื้อในสมัยนั้นเนี่ย 124 หรือไปเลือก E34 กันมากกว่า คณะตอนนี้บอกเลยว่าคันนี้คุ้มคุ้มสุดด้วยที่อย่างนึงที่น่ากลัวที่สุดสำหรับคันนี้ก็คือในเรื่องของอะไรที่เป็นบอดี้การ์ดมันขายยากที่มันหายากเพราะว่ารุ่นนี้เป็นรุ่นหนึ่งที่อเมริกาชอบมากและนิ

Review รถ Honda Legend Gen 2